คลังความรู้
เครื่องปั๊มน้ำ / เครื่องสูบน้ำ
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยส่งผ่านพลังงานจากแหล่งต้นกำเนิดไปยังของเหลว เพื่อทำให้ของเหลว
เคลื่อนที่จาก ตำแหน่งหนึ่งไป ยังอีก ตำแหน่งหนึ่งที่อยู่สูงกว่า หรือในระยะทางที่ไกลออกไป
โดยจุดเริ่มต้นของ เครื่องปั๊มน้ำ นี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ซึ่งในช่วงเริ่มแรกมีการใช้พลังงาน ที่ได้จาก มนุษย์ สัตว์ ต่อมาจึงได้ใช้พลังงานจากธรรมชาติ
เช่น พลังงานจากลม และน้ำเป็นแหล่งต้นกำเนิด ซึ่งในช่วงแรกเพียง เพื่อการอุปโภค บริโภค
และทำการเกษตรเท่านั้น
ในปัจจุบัน เครื่องปั๊มน้ำ/เครื่องสูบน้ำ จัดเป็นอุปกรณ์เครื่องมืออีกชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์
อย่างมาก เป็นอุปกรณ์ ที่ช่วยจัดส่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร คมนาคม อุตสาหกรรม ตลอดจนการบำบัดน้ำเสีย
เพื่อรักษา สภาวะแวดล้อม ที่ดีให้กับมนุษย์ซึ่งวิวัฒนาการของ เครื่องปั๊มน้ำ / เครื่องสูบน้ำ ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากเดิม ที่
ใช้พลังงานจาก แหล่งธรรมชาติมาเป็น การใช้พลังงานจากไอน้ำ จากเครื่องยนต์ และที่นิยมกันมากคือ การใช้พลังงานไฟฟ้า
เนื่องจากความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
ประเภทของปั๊มน้ำ / เครื่องสูบน้ำ (Type of Pump)
ปัจจุบันมีการจัดแบ่งประเภทของ ปั๊มน้ำ/เครื่องสูบน้ำ หลายรูปแบบ และมีการเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปมากมาย ดังนั้นจึงมี
การจัดหมวดหมู่ออกได้เป็น 2 แบบ คือ
1. แยกตามลักษณะการเพิ่มพลังงานให้แก่ของเหลว หรือการไหลของของเหลวในปั๊ม ได้แก่
ก. ประเภทปั๊มแรงเหวี่ยง หรือ ปั๊มหอยโข่ง (Centrifugal) เพิ่มพลังงานให้แก่ของเหลวโดยอาศัยแรงเหวี่ยงหนี
จุดศูนย์กลาง ปั๊มแบบนี้บางครั้งเรียกว่าแบบ Rota-dynamic
ข. ประเภทโรตารี่ (Rotary) เพิ่มพลังงานโดยอาศัยการหมุนของฟันเฟืองรอบแกนกลาง
ค. ประเภทลูกสูบชัก (Reciprocating) เพิ่มพลังงานโดยอาศัยการอัดโดยตรงในกระบอกสูบ
ง. ประเภทพิเศษ (Special) เป็นปั๊มที่มีลักษณะพิเศษ ไม่สามารถจัดอยู่ในทั้งสามประเภทที่กล่าวมา
2. แยกตามลักษณะการขับดันของเหลวในปั๊ม แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
ก. ประเภททำงานโดยไม่อาศัยหลักการแทนที่ของเหลว (Dynamic) เป็นปั๊มประเภทอาศัยแรงเหวี่ยงหนีจุดศูนย์กลางและ
แบบพิเศษ
ข. ประเภททำงานโดยอาศัยหลักการแทนที่ของเหลว (Positive Displacement) คือ การเคลื่อนที่ โดยอาศัยชิ้นส่วนของ
เครื่องสูบ ปั๊มประเภทนี้จะรวมเอาแบบโรตารี่ และแบบลูกสูบชักเข้าอยู่ในกลุ่มด้วย
นอกจากการแบ่งเป็นสองแบบตามที่กล่าวมาแล้ว ยังอาจแบ่งปั๊มตามวัตถุประสงค์การใช้งานของแต่ละชนิดด้วย เช่น ปั๊มดับ
เพลิง ปั๊มลม ปั๊มสูญญากาศ ปั๊มบาดาล เป็นต้น
คุณสมบัติของปั๊มแต่ละชนิด
1. ลักษณะการทำงานของปั๊มแบบแรงเหวี่ยง
ปั๊มแบบแรงเหวี่ยงเป็นปั๊มที่ได้รับความนิยมสูงสุดเมื่อเทียบกับปั๊มแบบอื่น ๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง เหมาะ
สมกับการใช้งานหลายประเภทประกอบกับการดูแลรักษาง่าย ส่วนประกอบของเครื่อง มีใบพัดอยู่ในเสื้อ เครื่องรูปหอยโข่ง
(Volute Casing) ให้พลังงานแก่ของเหลวโดยการหมุนของใบพัด ทำให้สามารถยกน้ำจาก ระดับต่ำไปสู่ระดับสูงได้
หลักการทำงานของเครื่อง พลังงานจะเข้าสู่ปั๊มโดยผ่านเพลาซึ่งมีใบพัดติดอยู่ เมื่อใบพัดหมุนของเหลวภายในปั๊ม จะไหล
จากส่วนกลางของใบพัด ไปสู่ส่วนปลายของใบพัด (Vane) จากการกระทำของแรงเหวี่ยง จากแผ่นใบพัดนี้ จะทำให้ เฮด
ความดัน (Pressure Head) ของเหลวเพิ่มขึ้น เมื่อของเหลวได้รับความเร่ง จากแผ่นใบพัดก็จะทำให้มีเฮดความเร็วสูงขึ้น ส่ง
ผลให้เของเหลวไหลจากปลายของใบพัดเข้าสู่เสื้อปั๊มรูปหอยโข่ง แล้วออกไปสู่ทางออกของปั๊ม ในขณะเดียวกัน ก็เปลี่ยน
เฮดความเร็วเป็นเฮดความดัน ดังนั้นเฮดที่ให้แก่ของเหลวต่อหนึ่งหน่วยความหนักเรียกว่า เฮดรวมของปั๊ม
2. ลักษณะการทำงานของปั๊มแบบลูกสูบชัก
ปั๊มประเภทลูกสูบชัก (Reciprocating Pump) เป็นประเภทที่เพิ่มพลังงาน ให้แก่ ของเหลว โดยการเคลื่อนที่ของลูกสูบ
เข้าไปอัดของเหลวให้ไหล ไปสู่ทางด้านจ่ายปริมาตรของเหลวที่สูบได้ ในแต่ละครั้งจะเท่ากับ ผลคูณของพื้นที่หน้าตัด ของ
กระบอกสูบกับช่วงชักของกระบอกสูบนั้น